อยากให้เป็นเช่นวันวาน
ตอนที่ 4
ชั้นไม่ได้สอนง่อนเธอนะ

         ฉันสอนโรงเรียนเชียงคำวิทยาคม อยู่ 3 ปี
ในปี 2516  ฉันก็ลาออกไปเรียนต่อที่
วิทยาลัยวิชาการศึกษาพิษณุโลก ภาคค่ำ 
เรียนไปด้วยสอนหนังสือโรงเรียนเอกชนไปด้วย
ครั้งแรกสอนที่โรงเรียนศึกษาวิทยา ได้ 600 บาท ต่อเดือน 
ต่อมาพี่ติ๋มเจ้าของโรงเรียนชื่นนิยมวิทยาตะพานหิน
เรียนห้องเดียวกันมาชวนไปสอนคณิตศาสตร์ ชั้น ม.ศ.3
ให้ 900 บาท ฉันดีใจมาก สอนได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากัน
เอาเงินไว้ก่อน ในที่สุดสอนได้   โดยใช้วิธีท่องเอาเป็นข้อ ๆ
เพราะห้องพักอยู่ชั้นบน ห้องเรียนอยู่ชั้นล่าง สบายมาก
อธิบายไป 1 ข้อ ช้า ๆ เน้น ๆ
ถ้าสอนเร็วกลัวสอนข้ามบรรทัดที่ท่องไว้
เข้าใจมั้ย  เข้าใจค่า เข้าใจครับ  (แต่ครูไม่เข้าใจหรอก )
ถ้าเข้าใจแล้วทำแบบฝึกหัด  2 ข้อ
ขณะที่นักเรียนทำแบบฝึกหัด
ครูก็ขึ้นไปท่องมาอีก 1 ข้อ เป็นอย่างนี้มาต
ลอด  

นักเรียนกลับชมว่าครูสอนดี สอนเข้าใจ (แต่ครูไม่เข้าใจหรอกง่ะ) 
ยิ่งสอนการพิสูจน์เอกลักษณ์ สอนตามท่องมาเด๊ะ ๆ
มีการเน้นเสียงดัง ๆ ด้วยว่าให้ทำเฉพาะด้านนี้
ด้านโน้นอย่าไปคุยมัน (หน่าตาเฉยคำเมืองแท้ ๆ อิอิ)
นอกจากคณิตศาสตร์แล้วยังสอนนาฏศิลป์อีก อันนี้ไม่ท่อง
 ในที่สุดไม่ไหวเหนื่อยกับการท่องเอ๊ยเหนื่อยกับเดินทางมาเรียน
มศว.พิษณุโลก (เปลี่ยนจาก ว.ศ. เป็น มศว.) เรียนภาคค่ำเลิก 4 ทุ่ม
ต้องรีบไปรอรถไฟรถเร็ว 4 ทุ่ม รถไฟมาต้องรีบโยนกระเป๋าหนังสือ
ไปจองที่นั่ง แล้วรีบวิ่ง ๆ ขึ้นรถไฟ
เพื่อนฉัน นางสาวงิ้ม  แซ่โง้ว นางสาวนัษนันท์   บุญญวิทยาวัฒน์)
งิ้มเดินทางจากเชียงคำไปเยี่ยมฉันไปเห็นฉันผจญภัย
งิ้มถึงกับร้องไห้ ฉันก็ได้แต่ปลอบว่า มิ...เหยชีวิตต้องสู้เนาะ

 อ้อ... ที่มาของชื่อ โด๊ะก็มาจากงิ้มนี่แหละ  แกบอกว่า
“อยากให้ดวงพรมีชื่อเล่น เอางี้จะตั้งให้ เรามาแบ่งชื่อกัน
โด๊ะมิ  ดวงพรเอา “โด๊ะ” ไป งิ้มเอา “มิ” ก็แล้วกัน
ตั้งแต่นั้นมา เวลาแกมาเรียกไปกินข้าวที่โรงอาหาร
แกเรียกเรียก โด๊ะ ฉันก็เรียกแก มิ
ส่วน “น้อง” ดรุณี  งิ้มก็บอกว่าใช้ชื่อ น้องน่ะดีแล้ว
จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ความหมาย 
จน "มิ" เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งปีกมดลูก
ฉันสอนที่โรงเรียนชื่นนิยมวิทยา
ได้เทอมเดียวก็ลาออกเอ้อ...สงสารนักเรียนง่ะ  
แล้วบังเอิญเหลือเกินมีนักเรียนหญิงที่เรียนคณิตศาสตร์
ที่ฉันท่องไปสอนด้วยความภาคภูมิใจในความสามารถ
ได้มาเป็นครูโรงเรียนอนุบาลพะเยา
ด้วยชื่อครูลัดดา  จำเราได้ด้วยแหละดีใจจัง
จากนั้นฉันก็ไปสมัครสอนที่โรงเรียนเซนนิโกลาส ใกล้ มศว.
ก็ได้มาสอนภาษาไทย  ม.ศ.2  ส่วนครู สายอรุณ
เพื่อนสมัยเรียนชั้น ม.1 - ม.3 โรงเรียนสตรีพะเยา
สมัยนั้น จบ ป.4 ก็ต่อ ม. 1- ม.3
แล้วเป็น ม.ศ.1 –ม.ศ. 3 ครูสายอรุณสอนภาษาไทย ม.ศ.3 
เราไปโรงเรียนด้วยกัน เราเช่าบ้านอยู่รวมกันหลายคนในซอย 101
ฉันเป็นคนถีบจักรยาน สายอรุณเป็นคนซ้อนท้าย
มีหลักฐานตามภาพถ่ายที่เจ้าหนุ่มข้างบ้านแอบถ่ายเรา
    
จากนั้นฉันก็สอนภาษาไทยไปด้วยความสนุกสนาน (คิดเอาเอง)
ก็สังเกตนักเรียนไม่ง่วง  มีอยู่วันหนึ่งนักเรียนคนหนึ่ง
หันหน้าไปคุยกับเพื่อนขณะที่กำลังเล่าเรื่องอิเหนา ฉันโมโหสุดขีดที่นักเรียนไม่สยบราบคาบฟังครูเล่า
นี่เธออ....ชั้นไม่ได้สอนง่อนเธอนะ” 
โดยที่ไม่รู้ว่าในห้องนั้นมีนักเรียนคนเหนือเป็นลูกทหารอยู่  1 คน แกหัวเราะขึ้นมาก๊าก ๆ ฉันรีบเดินออกมานอกห้อง
ไปเรียกครูสายอรุณ  “หล่อน ๆ เพื่อนหลนกำเมืองออกมา
มีละอ่อนคนเมืองเฮียนอยู่ในห้อง 1 คน แกไค่หัวออกมาดั๊งดัง”  ครูสายอรุณหัวเราะแล้วพูดว่า  “หล่อนก็ดายแหน
 
ตอนที่ 5 ครั้งแรกในชีวิตของฉัน